ส่วนเรื่องของสงคราม ก่อให้เกิดวัฒนธรรมในเกมการแข่งขันเพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านความรุนแรง และสนับสนุนสันติภาพ เช่น สวมปลอกแขนพิเศษของกัปตันทีม, การรณรงค์ด้วยธง หรือแผ่นป้ายต่างๆรอบสนาม รวมไปถึง พิธีการคุกเข่า (Taking the knee) ซี่งเป็นการสื่อถึงเจตนารมณ์ที่จะปฏิเสธเรื่องความไม่เท่าเทียม เช่น การเหยียดสีผิว และความรุนแรงในทุกรูปแบบ พร้อมสโลแกนว่า No Room for Racism ใน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ หน่วยงานใดก็ตามที่ทำงานร่วมกับ ฟีฟ่า และ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะต้องมีมาตราการคุ้มครองดูแล และป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่ไม่เหมาะสม ในเชิงดูถูก หรือกลั่นแกล้งจากความแตกต่างทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ

ต่อด้วยล่าสุดกับเหตุการณ์สำคัญของแฟนลูกหนัง ที่ตั้งตารอคอยกันมาตลอดสี่ปี ได้แก่ มหกรรมกีฬาฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม พร้อมกับชัยชนะของทีมฟ้าขาว อาร์เจนติน่าผู้ครองแชมป์สมัยที่ 3 ถือเป็นฟุตบอลโลกที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติ เริ่มตั้งแต่การจัดงานในประเทศแถบตะวันออกกลางเป็นครั้งแรก ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุในเวลากลางวัน ทำให้ต้องจัดการแข่งขันในเวลากลางคืน สภาพอากาศที่เป็นอุปสรรค แต่เจ้าภาพก็ไม่ยอมแพ้ แถมยังปล่อยของในด้านของการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพอีกหลายด้าน เช่น สนามที่สร้างอย่างอลังการ แต่เมื่อจบการแข่งขันก็สามารถแยกชิ้นส่วนไปทำประโยชน์อื่นๆได้ แต่ก็ยังไม่วายมีประเด็นเรื่องวัฒนธรรม อย่าง การแต่งกายของแฟนบอล หรือการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้น

ที่ประทับใจเป็นพิเศษ คือ การแข่งขันอันดุเดือด ทีมตัวเต็งอดีตแชมป์ไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, สเปน หรือกระทั่ง บราซิล ต่างพากันพ่ายแพ้ให้กับทีมนอกสายตา โดยที่ปีนี้ ทีมจากเอเชียอย่าง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ขึ้นมารับบทพระเอกดาวรุ่ง กุมหัวใจคนดูทั่วโลก ด้วยลีลาการเล่นที่ไม่ธรรมดา บวกกับสปิริตนักสู้ แม้จะตกรอบไปไม่ถึงฝัน แต่นับว่าปีนี้เป็นปีแห่งการเบิกฤกษ์ให้ทีมจากเอเชียได้แสดงฝีมือให้คนทั้งโลกได้ประจักษ์อย่างแท้จริง 

โมเมนต์สุดประทับใจ ทีมแชมป์อย่าง อาร์เจนติน่า และรองแชมป์คือ ฝรั่งเศส ในรอบไฟนอลของการแข่งขัน ต่างไม่มีใครยอมใคร สู้กันจนหยดสุดท้าย แม้ฝรั่งเศสจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่อาจล้มขุนพลอาร์เจนไตน์ไปได้ เรียกได้ว่า เกมนี้ จะเป็นที่จดจำไปตลอดกาล ไม่ใช่แค่ชื่อของผู้ชนะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่เป็นที่กล่าวขาน แต่ชื่อของผู้แพ้อย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป ก็จะถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไปอีกนานเท่านาน

ปิดท้ายปีด้วยการจากไปของราชาลูกหนังตลอดกาล เปเล่ ในวัย 82 ปี โดยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่เขาต่อสู้มาอย่างยาวนาน เขาเป็นตำนานฟุตบอลชาวบราซิลที่เป็นฮีโร่และแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆที่เล่นฟุตบอลทุกคน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เปเล่เคยกล่าวเอาไว้ว่า 

“Success is no accident. It is hard work, perseverance, learning, studying, sacrifice and most of all, love what you are doing or learning to do”. 

ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งได้มาโดยบังเอิญ มันคือการทำงานหนัก, ความมุ่งมั่นพยายาม, การเรียนรู้, หมั่นฝึกฝน, การทุ่มเทเสียสละ และ ยิ่งไปกว่านั้น จงรักในสิ่งที่ทำหรือเรียนรู้ อย่างหมดหัวใจ 

ส่งท้ายปีนี้ด้วยข้อคิดดีๆจากเปเล่ ผู้ที่จะอยู่ในหัวใจของเราไปตลอดกาล ขอให้ปีหน้าฟ้าใหม่ 2023 เป็นปีที่ดีสำหรับทุกๆท่าน สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมความปรารถนา ก้าวข้ามปีไปสู่อนาคตที่สดใส เปี่ยมด้วยพลังใจที่เข้มแข็ง สวัสดีปีใหม่ 2023.